วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

ส่งงาน อ.บพิตร ตั้งวงศ์กิจ 02027361 ครั้ง 1

1
1.CPU
INTEL Core i5-4460 3.20 GHz   เลือกใช้เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการประมวลผลภาพและมีความเร็วในการประมวลผลถึง 3.20 GHz กราฟฟิคประมวลผลได้ดี                                     
6,490 บาท





         
2.Mainboard
GIGABYTE GA-H97N-WIFI   เลือกใช้เนื่องจากเมื่อเทียบคุณภาพกับราคาที่ใกล้เคียงกันมีความคุ้มค่า มีwifi ในตัวที่มีความแรงพอสมควร
3,850 บาท













KINGSTON Hyper-X Fury DDR3 8GB 1600 (4GBx2) Black
เลือกใช้เนื่องจากที่มีขนาด 8 GB  ซึ่งสามารถใช้กับโปรแกรมที่ใช้พื้นที่ประมวลผลสูงๆได้
1,740 บาท








GIGABYTE GTX750 OC   เลือกใช้เนื่องจากมีการประมวลผลด้วย cuda core ที่มากพอสมควรเมื่อเทียบกันในราคาเดียวกันของรุ่นอื่นๆ
3,950บาท
8.Power supply
COUGAR RS 750W   เลือกใช้เพราะมีการแปลงไฟอย่างมี่ความ ต่อเนื่องและพอกับความต้องการของตัวบอร์ด  
2,690 บาท
7.Case
NZXT SOURCE 210 Black  มีความสวยงามทำจากวัสดุที่ดี มีการระบายความร้อนที่ดี
1,550 บาท

 

SEAGATE 500GB  มีความจุพอเพียงต่อการใช้งาน
1,690 บาท

ราคารวม 23680


2   เครื่องพิวเตอร์ในอีก 10 ปี จะเป็นอย่างไร  ตอบ   คอมพิวเตอร์น่าจะเน้นในเรื่องของการประมวลผลต่างๆ ที่สามารถทำได้รวดเร็วขึ้นกว่าในปัจจุบันมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันมีโปรแกรมในปัจจุบันเน้นใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่และการประมวลผลภาพที่ไวขึ้น เนื่องจากสีและภาพมีความสมจริงมากขึ้น อีกทั้งในเรื่องความสะดวกในการใช้งานด้วยขนาดที่ลดลงให้เหมาะแก่การพกพามากขึ้น  ซึ่งอาจจะมาพร้อมกับความแม่นยำในการประมวลผลต่างๆในฟังก์ชั่นให้เหมาะแก่การทำงานในสายต่างๆโดยเฉพาะ ในเรื่องของระบบปฏิบัติการที่มีความเสถียรมากขึ้น อาจมีเครื่องคอมพิวเตอร์คู่ขนานที่สามารถทำงานไปได้ในพร้อมๆกันแต่สามาพกพาติดตัวได้สะดวกกว่า แบบพกแบบนาฬิกาข้อมูลและเชื่อมต่อกับคอมที่เปิดไว้ที่บ้านด้วยเครือข่ายพิเศษที่เชื่อมต่อได้สมบูรณ์ได้สมบูรณืกว่าในปัจจุบันเพราะมี ความเร็วเร็วในการเชื่อมต่อมากขึ้นด้วย สปีดถึง 10000 เมกและการใช้ข้อมูลร่วมกับเทคโนโลยีทุกอย่างที่ใช้ในปัจจุบัน เช่น เชื่อมต่อกับ นาฬิกา เป็นต้น  และอาจจะอำนวนความสะดวกในการใช้งานโดน จอประมวลผลที่พับได้อย่างกะทัดรัดและ ถอดแยกออกมาได้ เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ ฉายขึ้นจอเพื่อ นำเสนอที่มีความสะดวกมากขึ้น และในเรื่องแหล่งพลังงานอาจสามารถใช้จากธรรมชาติ เช่น พลังแสงอาทิตย์ หรือพลังงานงานลมเป็นต้น   แล้วยังมีฟังก์ชันที่สามารถที่แสดงภาพโฮโลแกรมได้ด้วยปากกาอิเล็คทรอนิกส์ เป็นต้น   นำมาฉาย สามมารถดูหนังเป็นแบบ 4  มิติได้อย่างคมชัด 



















โคโมโด มังกรในโลกแห่งความจริงมีชีวิตและชะตากรรมต่างจากมังกรในตำนานและจินตนาการอย่างไร



มังกรโคโมโด (Varanus komodoensis) ใช้ชีวิตเยี่ยงกิ้งก่าอย่างสมบูรณ์  ทั้งนอนอาบแดด ล่าเหยื่อและกินซากสัตว์ วางไข่และปกป้องไข่   พวกมันไม่เหลียวแลลูกหลังฟักเป็นตัว  โดยทั่วไปมังกรโคโมโดมีอายุขัยระหว่าง 30 – 50 ปี และใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตอาศัยตามลำพัง  ขณะที่ถิ่นกระจายพันธุ์ของพวกมันมีอยู่อย่างจำกัด โดยพบได้บนเกาะเพียงไม่กี่แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเกาะอินโดนีเซีย
ในฐานะสัตว์นักล่ามือฉมัง มังกรโคโมโดสามารถวิ่งเร็วได้ถึง 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นช่วงสั้นๆ พวกมันซุ่มโจมตีเหยื่อและฉีกเนื้อส่วนที่อ่อนที่สุด เช่น ท้อง หรือกัดให้ขาขาด นอกจากนี้ มังกรยังพ่น “ไฟ” ได้สมชื่ออีกด้วย เพราะในปากมีน้ำลายพิษที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว  เหยื่อที่ถูกกัดจึงเสียเลือดอย่างรวดเร็ว  พวกที่บาดเจ็บและหนีรอดไปได้มักได้รับเชื้อโรคจากแอ่งน้ำ และลงเอยด้วยการติดเชื้อ ไม่ว่าทางใด จุดจบก็ดูเหมือนไม่อาจหลีกเลี่ยง
กิ้งก่าพวกนี้ยังกินซากด้วย พวกมันเป็นนักฉวยโอกาสที่สอดส่ายสายตาหาอาหารตลอดเวลา ไม่ว่าจะยังเป็นๆหรือตายแล้ว การหากินซากใช้พลังงานน้อยกว่าการล่า  และมังกรโคโมโดก็สามารถดมกลิ่นซากเน่าเปื่อยได้ไกลหลายกิโลเมตร กิ้งก่ายักษ์ยังไม่จู้จี้เลือกกิน พวกมันไม่กินทิ้งกินขว้าง และแทบไม่ปล่อยให้อะไรเสียของเลย
แม้นิสัยของมังกรโคโมโดออกจะน่าสะอิดสะเอียน แต่ก็ใช่ว่าชาวเกาะจะมีทีท่าหวาดกลัวหรือรังเกียจพวกมันเสมอไป
ที่หมู่บ้านโคโมโด ฉันปีนบันไดไม้หงิกๆงอๆขึ้นไปบนบ้านใต้ถุนสูงของผู้เฒ่าชื่อจาโจซึ่งเดาว่าตัวเองน่าจะอายุ 85 ปี คนนำทางของฉันบอกว่า ชายร่างเล็กผู้นี้เป็นหมอมังกร ซึ่งผู้เฒ่าก็ไม่ได้ปฏิเสธ ฉันถามแกว่าชาวบ้านรู้สึกกับมังกรและอันตรายที่พวกมันอาจก่อขึ้นอย่างไร “คนที่นี่เชื่อว่ามังกรเป็นบรรพบุรุษของเรา เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ครับ” ผู้เฒ่าจาโจตอบ และเล่าต่อว่า  สมัยก่อนเมื่อชาวเกาะฆ่ากวาง พวกเขาจะทิ้งเนื้อไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อแบ่งปันให้ญาติมีเกล็ดของพวกเขา
จากนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แม้จะไม่มีใครมีตัวเลขที่แน่ชัด แต่ดูเหมือนว่าประชากรมังกรโคโมโดจะลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 50 ปีที่ผ่านมา  รัฐบาลอินโดนีเซียออกกฎหมายคุ้มครอง เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันจากนักอนุรักษ์ รวมทั้งความตระหนักถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับมังกรโคโมโด พอถึงปี 1980 ถิ่นอาศัยส่วนใหญ่ของมังกรโคโมโดได้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติโคโมโด ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเกาะโคโมโด เกาะรินจา และเกาะขนาดเล็กอีกหลายเกาะ ต่อมา เขตอนุรักษ์ธรรมชาติอีกสามแห่งก็เกิดขึ้นโดยสองในสามแห่งอยู่บนเกาะฟลอเรส
ภายในเขตอุทยานแห่งชาติโคโมโด มังกรได้รับการปกป้องจากการรุกรานของมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น เหยื่อของพวกมันยังเป็นสิ่งต้องห้ามอีกด้วย การฆ่ากวางถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านจึงไม่สามารถแบ่งเนื้อให้มังกรได้อีกต่อไป
บางคนบอกว่านั่นทำให้มังกรขุ่นเคืองไม่น้อย
ารโจมตีของมังกรโคโมโดไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่สองสามครั้งหลังเมื่อไม่นานมานี้กลายเป็นข่าวใหญ่  เมื่อปีที่แล้วมังกรโคโมโดตัวยาวร่วมสองเมตรหลุดเข้าไปในที่ทำการอุทยานแห่งชาติโคโมโดและกัดเจ้าหน้าที่สองนายบริเวณขาซ้าย ทั้งคู่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบนเกาะบาหลีและฟื้นตัวในเวลาต่อมา  อีกกรณีเป็นหญิงชราวัย 83 ปีที่สู้กับมังกรโคโมโดตัวยาวกว่าสองเมตรด้วยไม้กวาดทำเอง  และลูกเตะที่เข้าตรงจุด  มังกรกัดมือหญิงชราทำให้ต้องเย็บถึง 35 เข็ม
ความอยู่รอดของมังกรโคโมโดขึ้นอยู่กับเรื่องพื้นๆอย่างการบริหารจัดการที่ดินเป็นอย่างมาก บนเกาะฟลอเรสแม้จะมีเขตอนุรักษ์ธรรมชาติหลายแห่ง แต่ชาวบ้านยังคงจุดไฟเผาเพื่อเปิดพื้นที่ทำไร่และเลี้ยงสัตว์ ทำให้ถิ่นอาศัยของมังกรโคโมโดกระจัดกระจายเป็นหย่อมเล็กๆ นอกจากนี้ ชาวบ้านบางส่วนรวมทั้งสุนัขจรจัดยังล่ากวางและหมูที่มังกรโปรดปรานด้วย นักวิทยาศาสตร์ยังสงสัยว่า สุนัขจรเหล่านั้นอาจไล่ และกระทั่งฆ่ามังกรวัยเยาว์ที่ใช้ชีวิตขวบปีแรกบนยอดไม้ก่อนจะลงมายังพื้นดิน
หากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อภูมิประเทศ มังกรโคโมโดก็ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น เกลาดีโอ โชฟี นักชีววิทยาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์ และทิม เจสซอป นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ผู้ทำการวิจัยเรื่องมังกรโคโมโดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อธิบายว่า ด้วยจำนวนประชากรน้อยกว่า 5,000 ตัวที่กระจัดกระจายอยู่บนเกาะไม่กี่แห่ง ทำให้ความหลากหลายทางพันธุกรรมลดลง ส่งผลให้ขีดความสามารถในการปรับตัวของพวกมันมีจำกัด

โชฟีและเพื่อนร่วมงานกระตุ้นการทำงานของเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียอย่างให้เกียรติ และระดมการสนับสนุนเพื่ออนุรักษ์มังกรโคโมโด พวกเขาไม่เพียงพูดคุยกับชาวเกาะฟลอเรสว่า การสูญเสียถิ่นอาศัยและการลักลอบล่าสัตว์ที่เป็นเหยื่อของมังกรโคโมโดส่งผลร้ายต่อพวกมันอย่างไร แต่ยังหวังด้วยว่าจะสามารถเฝ้าติดตามพื้นที่คุ้มครองได้ดีขึ้นและให้การอบรมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเกี่ยวกับชีววิทยาของมังกรโคโมโด เพื่อที่บุคลากรเหล่านั้นจะสามารถให้ข้อมูลแก่นักวิทยาศาสตร์ได้ว่า เหล่ามังกรยังอยู่ดีมีสุขหรือไม่อย่างไร